สารจากประธานกรรมการ

กลุ่มบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวก และเชื่อว่าเรื่องหนี้ค่าบริการ O&M ค้างชำระของกทม. จะบรรลุข้อยุติที่น่าพอใจ

นายคีรี กาญจนพาสน์

  • ประธานกรรมการ /
  • ประธานคณะกรรมการบริหาร /
  • ประธานคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

เรียน ท่านผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน

ในปี 2566 นี้ อาจกล่าวได้ว่าเราได้เผชิญความท้าทายต่าง ๆ ทั้งในด้านการเงิน เศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทาง ภูมิรัฐศาสตร์ตั้งแต่เริ่มต้นปี ซึ่งธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกต่างรับมือด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดระดับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านการกู้ยืมเงินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัว จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ กลับมาเป็นปกติหลังช่วงการแพร่ระบาดของโควิด เช่น การกลับมาทำงานที่สำนักงาน และการกลับมาเรียนที่โรงเรียน เป็นต้น เห็นได้จากจำนวนเที่ยวเดินทางเฉลี่ยในวันทำการ1 ล่าสุด อยู่ที่ 570,000 เที่ยวคนต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 80 ของระดับจำนวนเที่ยวเดินทางในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด2 ที่สำคัญไปกว่านั้น ผลของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดและรัฐบาลใหม่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มบริษัทจะติดตามนโยบายและการพัฒนาต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และยังคงเปิดกว้างและพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลในการดำเนินโครงงานด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต

1ผู้โดยสารเฉลี่ยในวันทำงานบนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก ณ เดือนมีนาคม 2566
2จำนวนเที่ยวการเดินทางเฉลี่ยในวันทำการในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ปี 2562/63 ที่ 735,000 เที่ยวคนต่อวัน

ผลการดำเนินงานและความแข็งแกร่งทางการเงิน

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565/66 บริษัทฯ รับรู้รายได้รวม 24,139 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ 23 จากปีก่อน สาเหตุหลักเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงท้ายของงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ส่งผลให้รายได้จากการก่อสร้างลดลง อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจ MIX และรายได้ O&M ภายใต้ธุรกิจ MOVE ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ย และภาษี อยู่ที่ร้อยละ 42 (เทียบกับร้อยละ 31 ในปีก่อน) และบริษัทรับรู้กำไรสุทธิจำนวน 1,836 ล้านบาท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็น 270,926 ล้านบาท ส่วนของเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องยังคงมีเพียงพอราว 21,000 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อยูที่ 1.85 เท่า แสดงถึงความสามารถที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการจัดการกับภาระผูกพันทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปีแห่งการดำเนินโครงการใหม่ๆ และการขยายโอกาสทางธุรกิจ

สำหรับโครงการต่าง ๆ ของธุรกิจ MOVE ในช่วงเวลานี้ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งนับเป็นการเพิ่มระยะทาง 30.4 กิโลเมตร และสถานีรถไฟฟ้าอีก 23 สถานีให้กับเครือข่ายรถไฟฟ้าทั้งหมดของเรา โครงการนี้จะเป็นอีกช่องทางของกลุ่มบริษัทฯ ในการรับรู้รายได้ค่าโดยสารในช่วงระยะเวลา 30 ปี รวมถึงได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 10 ปีแรกของการดำเนินงาน ในขณะที่การดำเนินงานของโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู (ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร 30 สถานี) มีกำหนดเปิดให้บริการภายในช่วงต้นปี 2567 สำหรับคดีความต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจระบบขนส่งมวลชนทางรางของเราที่ยังไม่ได้ข้อยุตินั้น กลุ่มบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวก และเชื่อว่าหนี้ค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงค้างชำระของกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะบรรลุข้อยุติที่น่าพอใจในเร็ววันนี้ ส่วนโครงการอื่น ๆ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองทั้ง 2 สาย (M6 บางปะอิน-นครราชสีมา และ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี) และโครงการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งทั้งสองโครงการจะเป็นส่วนสำคัญในการขยายโครงการด้านคมนาคมนอกเหนือจากระบบรางที่เราดำเนินการอยู่แล้ว

ในปีนี้ เราได้เห็นภาพการขยายธุรกิจการจัดจำหน่ายภายใต้ธุรกิจ MIX โดยวีจีไอได้เข้าไปลงทุนในบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) (ซุปเปอร์ เทอร์เทิล) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายระบบนิเวศทางธุรกิจของการให้บริการด้านการตลาดแบบ O2O โซลูชั่นของวีจีไอ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของผู้บริหารมากกว่า 40 ปีในด้านการจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้ซุปเปอร์ เทอร์เทิล ได้รับสิทธิ์ในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งจะช่วยให้วีจีไอสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงโฆษณาในการส่งเสริมการรับรู้ในสินค้า (awareness) การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสินค้ากับผู้บริโภค (engagement) และการซื้อสินค้าและบริการ (conversion) ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูเปิดให้บริการแล้ว พื้นที่สื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้นจะสร้างโอกาสในการส่งเสริมธุรกิจสื่อโฆษณาของวีจีไอต่อไป

สำหรับแรบบิท โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของเราภายใต้ธุรกิจ MATCH ได้เริ่มต้นบทใหม่ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่น อาทิ การขายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 4 พันล้านบาท และการบันทึกกำไรเป็นปีที่สองติดต่อกัน รวมไปถึงธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท แรบบิท ไลฟ์ จำกัด (มหาชน) หรือ แรบบิท ไลฟ์ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (ที่ยังเหลืออยู่ รอการขาย) มีการฟื้นตัวตามภาคบริการและภาคการท่องเที่ยว การเติบโตดังกล่าวเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาวของแรบบิท โฮลดิ้งส์ ที่เปลี่ยนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มุ่งสู่ธุรกิจบริการทางการเงิน ซึ่งต่อจากนี้ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ได้ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจบริการทางการเงินในอนาคต

นอกจากนี้ ภายใต้การดำเนินงานของธุรกิจ MATCH ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย บริษัทฯ ยังคงจัดการการลงทุนต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของ MOVE MIX และ MATCH ผ่านการลงทุนตรงในบริษัทที่มีศักยภาพ และผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งล่าสุด เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL ที่ประกอบธุรกิจดั้งเดิมในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงได้ขยายธุรกิจครอบคลุมธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์

บริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลก

ในขณะที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านการดำเนินกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งมั่นในการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินธุรกิจ การใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงานของเรา นอกจากนี้ การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นคาดว่าจะช่วยเสริมการขยายตัวด้านการคมนาคมและสร้างการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนทางรางได้ครอบคลุมมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้นับเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างยั่งยืน กลุ่มบริษัทบีทีเอสยังมีส่วนร่วมในการระดมเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนระยะยาว (Sustainability-Linked Bonds หรือ SLBs) เป็นครั้งที่ 2 มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็น SLBs แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จำหน่ายแก่นักลงทุนรายย่อย ทั้งนี้ นับตั้งแต่การดำเนินงานบนแนวปฏิบัติทางการเงินที่ยั่งยืน ผมภูมิใจที่จะกล่าวว่า กลุ่มบริษัทสามารถระดมทุนได้มากกว่า 62,800 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากผลดำเนินงานในมิติด้านความยั่งยืนต่างๆ ส่งผลให้ บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันจาก S&P Global

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความยั่งยืน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในรายงานความยั่งยืน ประจำปี 2565/66

คำขอบคุณและอนาคตของบริษัทฯ

เศรษฐกิจโลกจะยังคงเผชิญกับความผันผวนเนื่องจากเรากำลังเข้าสู่สภาวะที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และบริษัทฯ เองตระหนักดีว่า ความท้าทายเหล่านี้อาจจะยังคงอยู่กับเราไปอีกหลายปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี เรามั่นใจว่าความต้องการใช้บริการบนธุรกิจหลักของเราจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการกลับมาเดินทางของผู้โดยสาร นอกจากนี้ บริษัทฯ มีมุมมองบวกต่อความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ รวมถึงการที่ กทม. จะชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว อย่างไรก็ดี ในขณะที่ กทม. ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ กระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู นอกจากนี้ จากความพยายามในการกระจายธุรกิจของกลุ่มบริษัทให้หลากหลายยิ่งขึ้น จะส่งผลให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวทางการเงินและความแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคนได้ทุ่มเทความสามารถและความเชี่ยวชาญอย่างเต็มที่ ในการนำบริษัทฯ ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ผมขอแสดงความขอบคุณต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ที่ทำงานอย่างหนัก ตลอดจนผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านที่สนับสนุนกลุ่มบริษัททั้งในปีนี้ และปีต่อ ๆ ไป