บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นำหุ้นสามัญเพิ่มทุน ภายใต้ชื่อย่อใหม่ ''BTS''เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ วันแรก 11 พฤษภาคม ศกนี้

กลับ

กรุงเทพฯ – บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ระดมเพิ่มทุนในหุ้นสามัญครั้งใหม่ ภายใต้ชื่อ “BTS” ซึ่งอยู่ในหมวด “ขนส่งและโลจิสติกส์” กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ จำนวนกว่า 28,166.88 ล้านหุ้น มูลค่า รวม 12,000 ล้านบาท และเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก 11 พฤษภาคม ศกนี้ ด้วยราคาขาย 0.63 บาทต่อหุ้น

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภายหลังจากการดำเนินการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ “BTSC” มูลค่ารวมประมาณ 12,000 ล้านบาท อัตราส่วน 7 หุ้นเดิมต่อ 4 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายที่ 0.63 บาท ต่อหุ้นเสร็จสิ้นแล้วนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการอนุมัติให้หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้หมวด “ขนส่งและโลจิสติกส์” กลุ่มอุตสาหรรมบริการ โดยใช้ชื่อย่อใหม่ “BTS” ในการซื้อขายวันแรกในวันที่ 11 พฤษภาคม 2553 โดยบริษัทจะทำการจัดสรรหุ้น เพื่อเสนอขายแก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนและเป็นการจูงใจในการจองซื้อหุ้น โดยบริษัทฯ ดำเนินการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) โดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ลงทุนทุกรายที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในอัตราส่วน 4 หุ้นเพิ่มทุนที่จองซื้อ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี สามารถเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกได้เมื่อครบ 2 ปี นับจากวันที่ออก มีราคาใช้สิทธิที่ 0.70 บาท ต่อหุ้น

การเพิ่มทุนในหุ้นสามัญครั้งนี้ บริษัทฯและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินธุรกิจการให้บริการรถไฟฟ้าของ “BTSC” ซึ่งมีความมั่นคงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) และสภาพคล่องของหุ้นที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น พร้อมสร้างความน่าสนใจในการลงทุนให้แก่ กลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะได้รับประโยชน์จากการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกัน โดยการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ “BTSC” และประสบการณ์ในการพัฒนาและบริหารโครงการของบริษัทฯ

นายคีรี กล่าวต่อไปว่า “บริษัทฯ ได้เตรียมนำเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อขายการเพิ่มหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการพัฒนาการบริการในส่วนต่างๆ ของธุรกิจ อาทิ ส่วนขยายเชื่อมต่อของโครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ จุดเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้า (BTS) รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) และรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ภายในบริเวณเส้นทางรถไฟฟ้าและจุดเชื่อมระบบขนส่งมวลชนต่างๆ (Mass Transit) ซึ่งในปัจจุบัน กำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และพัฒนาธุรกิจการให้บริการ เช่น ธุรกิจบริหารโรงแรมและธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพิ่มขึ้นด้วย”

“โดยล่าสุด บริษัทฯ ดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารธุรกิจ เพื่อสร้างสภาพคล่องและความชัดเจนของสายธุรกิจมากขึ้น โดยสามารถแบ่งหมวดการดำเนินธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจดำเนินการระบบขนส่งมวลชน ภายใต้การดำเนินงานและบริหารของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ “BTSC” อาทิ การให้บริการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส, (2) กลุ่มธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา ดำเนินการภายใต้การบริหารงานของ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด (VGI) โดยบริหารจัดการด้านการตลาดเกี่ยวกับพื้นที่โฆษณา ทั้งภายในและพื้นที่รอบนอกขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ร้านค้าและโฆษณาในบริเวณสถานีรถไฟฟ้า และพื้นที่การโฆษณาในร้านค้าปลีกชั้นนำขนาดใหญ่ต่างๆ หรือโมเดิร์นเทรด, (3) กลุ่มธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ บริษัท บีทีเอส แอสเซท จำกัด (BTS Asset) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม อาคารชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารเช่า โรงแรม สำนักงานขาย และเช่าดำเนินการบริหารงานทั้งหมด ทั้งที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าหรือแนวทางเดินรถไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและส่วนเส้นทางเชื่อมต่อในอนาคต รวมถึง ธุรกิจบริหารโรงแรมและธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และ (4) ธุรกิจสมาร์ทการ์ด ซึ่งดำเนินการภายใต้การบริหารงานของ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิทเทม จำกัด (มหาชน) (BSS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการดูแลเกี่ยวกับบัตรสิทธิประโยชน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและเพิ่มมูลค่าให้ชีวิตไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ”

“จากการปรับโครงสร้างและบริหารธุรกิจใหม่ ครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพ และประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่” นายคีรี กล่าวสรุป